แมงป่องช้าง จากสัตว์ที่อยู่ตามป่า กลายมาเป็นสัตว์เศรษฐกิจอนาคตไกล

แมงป่องช้าง จากสัตว์ที่อยู่ตามป่า

กลายมาเป็นสัตว์เศรษฐกิจอนาคตไกล

เมื่อพูดถึง “แมงป่องช้าง” ภาพที่ปรากฎในหัวเราก็คือ เจ้าสัตว์ตัวสีดำ ๆ ตัวเป็นปล้อง ๆ มีก้ามน่ากลัว  ชูหางพร้อมที่จะต่อยเรา หากเราเข้าไปใกล้ อาศัยอยู่ตามป่า ทุ่งนา ไม่มีค่าทางเศรษฐกิจอะไร จนมีเกษตรกรหัวใสนำเจ้าแมงป่องช้างมาทดลองเลี้ยง  ใครจะคิดล่ะว่า….จากสัตว์ที่อาศัยตามธรรมชาติ จะกลายมาเป็นสัตว์ที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล




ลักษณะทั่วไป

แมงป่องช้าง มีลักษณะเด่น คือ ลำตัวใหญ่ มีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำ มีก้ามขนาดใหญ่ ลำตัวเรียว มีขา 4 คู่ ส่วนหัวและอกอยู่รวมกัน มีตาบนหัว 1 คู่ และตาข้างอีก 3 คู่ ลำตัวมี 7 ปล้อง ปล้องที่ 3 มีอวัยวะสำคัญ คือ ช่องสืบพันธุ์ และมีอวัยวะคล้ายหวี ทำหน้าที่รับความรู้สึกจากแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดิน  ส่วนสุดท้ายคือ หางเรียวยาว มี 5 ปล้อง โดยปล้องสุดท้ายเป็นปล้องพิษ มีลักษณะพองกลมปลายเรียวแหลม คล้ายรูปหยดน้ำ แมงป่องช้างพบในทวีปเอเชีย หลายประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว ไทย เวียดนาม เป็นต้น เป็นสัตว์ที่มักหลบซ่อนในที่ไม่มีแสงสว่าง ปราศจากการรบกวน เช่น ใต้ก้อนหิน ท่อนไม้ ใบไม้ ออกหากินเวลากลางคืน ชอบอุณหภูมิแบบร้อนชื้นประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส  อาหารของแมงป่องช้าง ได้แก่ พวกสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น แมงมุม บึ้ง กิ้งกือ หนอน และแมลงอื่น ๆ เป็นต้น

วิธีการเลี้ยงและการดูแลรักษาแมงป่องช้าง

วิธีการเลี้ยงนั้นไม่ยาก เพียงแต่เราต้องมีอุปกรณ์ และสถานที่ที่เหมาะสม เพราะแมงป่องช้างมีนิสัยชอบอยู่ในที่มืด อับชื้น และไกลจากนก และไก่ ซึ่งเป็นศัตรูตามธรรมชาติ สำหรับอุปกรณ์ในกางเลี้ยงแมงป่องช้างมีดังนี้
  1. การเตรียมที่เพาะเลี้ยง เพื่อให้ง่ายต่อการเลี้ยง และดูแลรักษาควรใช้บ่อปูนซีเมนต์ ขนาดกว้าง 80 ซม. สูง 50  ซม.  และมีอุปกรณ์ปิดมิดชิด โดยนำดินใส่ลงไปในบ่อประมาณ 10-20 ซม. เพื่อเวลาอากาศร้อน แมงป่องจะได้หลบลงไปอยู่ในรูใต้ดิน จากนั้นแต่ละบ่อควรมีภาชนะใส่น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแมงป่อง เพราะเป็นสัตว์ที่ขาดน้ำไม่ได้ ภาชนะควรเป็นที่ก้นตื้น ๆ หรือใส่น้ำน้อย ๆ ป้องกันมันจมน้ำตาย และใส่ที่หลบซ่อนในช่วงกลางวันลงไปในบ่อด้วย เช่น ใบไม้ ท่อนไม้ เศษก้อนอิฐ
  2. การคัดเลือกพันธุ์ แมงป่องช้างเพศผู้จะมีลักษณะลำตัวเรียว หางยาว และก้ามใหญ่ แถบข้างลำตัวสีขาวอมเทา เมื่อถูกบุกรุกจะชูก้าม และหางเพื่อข่มขู่ศัตรู ส่วนตัวเมียลำตัวจะอ้วนและมีขนาดโตกว่าตัวผู้เล็กน้อย แถบข้างลำตัวสีขาวอมเทา
  3. เมื่อเตรียมที่เพาะเลี้ยง และทำการคัดเลือกสายพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ให้นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ลงไปในบ่อ บ่อละประมาณ 30-40 ตัว ในอัตรา 1:1 (ตัวผู้:ตัวเมีย) โดยปกติแมลงป่องช้างจะผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ เมื่อผสมพันธุ์กันเสร็จเราต้องจับตัวผู้แยกออก เพราะมิฉะนั้นมันอาจจะตกเป็นอาหารของตัวเมียได้ เมื่อตัวเมียตั้งท้อง จะสังเกตเห็นการขยายตัวของกล้ามเนื้อที่ยึดระหว่างปล้องที่ 3 ถึงปล้องที่ 7 โดยใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 7-10 เดือนก็จะออกลูกมาเป็นตัว ในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม เพราะเป็นช่วงฤดูฝนอาหารตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
  4. แมงป่องช้างจะให้ลูกครั้งละประมาณ 7-28 ตัว ลูกแมงป่องช้างเกิดใหม่จะปีนขึ้นไปเกาะกลุ่มเป็นก้อนสีขาว ๆ บนหลังของตัวแม่ ซึ่งในระยะนี้จะต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพราะแม่แมงป่องจะกินอาหารและน้ำน้อยมาก และจะไม่เคลื่อนที่ไปไหนหากไม่จำเป็น ในช่วงนี้ห้ามเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด เพราะแม่แมงป่องอาจเกิดความเครียด และกินลูกของตัวเอง ลูกแมงป่องจะอยู่บนหลังแม่ประมาณ 2 อาทิตย์โดยไม่กินน้ำและอาหารเลย เพราะได้พลังงานและน้ำจากการสลายไขมันภายในตัว
  5. เมื่อลูกแมงป่องช้างมีอายุประมาณ 15 วันก็จะลงจากหลังแม่ แต่ในช่วงนี้ยังคงอาศัยรวมอยู่กับแม่ เนื่องจากยังล่าเหยื่อเองไม่ได้ ต้องอาศัยเศษอาหารจากแม่ จนกว่าจะสามารถล่าเหยื่อเองได้จึงจะแยกอยู่ตามลำพัง ลูกแมงป่องช้างเจริญเติบโตช้ามาก ใช้เวลาในการเลี้ยง 8-12 เดือน สามารถจับขายได้
  6. การให้อาหาร อาหารของแมงป่องช้าง ได้แก่ สัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น แมงมุม บึ้ง กิ้งกือ หนอน จิ้งหรีด หรือใช้เศษเนื้อก็ได้ โดยให้อาหารในช่วงเย็น เพราะแมงป่องช้างเป็นสัตว์ที่ออกหากินเวลากลางคืน และควรทำความสะอาดสถานที่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ

การจำหน่าย และแนวโน้มทางการตลาด

สำหรับการเลี้ยงแมงป่องช้างเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้นั้น เพื่อให้คุ้มค่ากับระยะเวลา และการลงทุน ควรเลี้ยง 10 บ่อขึ้นไป ผลการตอบแทนของการเลี้ยงได้ลูกเฉลี่ย 15 ตัว 1 บ่อมีแม่พันธุ์ 30-40 ตัว ก็จะได้ลูกแมงป่องช้าง 450-600 ตัว หลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 8 -12 เดือนก็สามารถจำหน่ายได้ในราคาตัวละ 10-20 บาท หรือคัดไว้จำหน่ายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ จะมีราคาสูงถึงตัวละ 50 บาทเลยทีเดียว ข้อมูลจากเกษตรกรผู้เลี้ยงแมงป่องช้างทราบว่า ปัจจุบันความต้องการของตลาดเฉพาะในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 5,000 ตัว แต่เลี้ยงแมงป่องเพื่อส่งขายได้เพียง เดือนละ 2,000-3,000 ตัวเท่านั้น เห็นอย่างนี้แล้วอนาคตของเจ้าแมงป่องช้างมีแววรุ่งแน่นอน ท่านใดสนใจรู้รีบลงมือเลยครับ



แหล่งที่มาขอมูล : http://www.homehukbanna.com


Comments