ทำสวนผสมผสานข้างบ้าน กลางพื้นที่จัดสรร 1 ไร่
ปลูกเอง ขายเอง ช่องทางสร้างรายได้ดีของ “ชาตรี ตรงเจริญทรัพย์”
ภาพของการทำสวนเกษตร ปลูกพืชไร่ พืชผัก ไม้ผลที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ใช้เวลาและแรงงานจำนวนมากในการจัดการดูแลได้ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้มาเห็นการทำสวนเกษตรแบบผสมผสานของ คุณชาตรี ตรงเจริญทรัพย์ อยู่บ้านเลขที่ 79/112 หมู่ 5 หมู่บ้านจันทร์หอม ตำบลพูลตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (โทร. 08-9934-5559) ที่ใช้เพียงพื้นที่ว่างภายในหมู่บ้านขนาดไม่กี่ตารางวา รังสรรค์เป็นแปลงเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และทำประมง สร้างรายได้ที่ดีในระดับที่สามารถผ่อนจ่ายที่ดินบริเวณนั้นหมดได้ภายในไม่กี่ปีเท่านั้น
ความน่าสนใจไม่เพียงแค่การบริหารการเพาะปลูกในพื้นที่เล็ก ๆ ให้มีผลผลิตและมีรายได้อย่างต่อเนื่องทุกวันเท่านั้น หากอยู่ที่เมื่อมีผลผลิตแล้วก็นำไปจำหน่ายเอง รวมทั้งแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและช่องทางการจำหน่ายให้กับผลผลิตชนิดนั้น ๆ ด้วย ทำให้การเพาะปลูกพืชแต่ละชนิดไม่จำเป็นต้องทำในปริมาณมากเหมือนเกษตรกรทั่วไป แต่ทำไว้หลาย ๆ อย่าง ทำน้อย ๆ แล้วทยอยจำหน่าย ซึ่งเป็นเบื้องหลังของการสร้างรายได้ที่ดีจากพื้นที่เกษตรไม่ถึง 1 ไร่
“เดิมพื้นเพก็เป็นคนชลบุรีนี่แหละ เมื่อก่อนครอบครัวก็ทำไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ตนเองก็ช่วยมาตลอด แต่พอแต่งงานมีครอบครัวก็ไปอยู่บ้านแฟนที่จังหวัดศรีสะเกษ ก็ได้ไปทำนา ปลูกพริก ปลูกหอม กระเทียมอยู่หลายปี จากนั้นก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ชลบุรีอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับมายึดอาชีพขายผักและของชำในตลาดสด ซึ่งอาชีพค้าขายก็มีรายได้ที่ดีพอสมควร เพียงพอที่ขยับขยายซื้อบ้านเป็นของตนเองได้”
คุณชาตรีบอกว่า หมู่บ้านที่ซื้อไว้ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นแปลง ๆ สำหรับสร้างบ้างเพื่อจำหน่าย แต่ทว่าโครงการก็ได้ล้มเลิกไป ไม่มีการสร้างบ้านต่อทำให้มีพื้นที่ว่างในหมู่บ้านอยู่หลายแปลง ซึ่งตนเองรู้สึกอยากได้ที่ดินจำนวน 2 แปลง ขนาดแปลงละ 90 ตารางวา รวม 180 ตารางวา ที่อยู่ติดบ้านของตัวเอง จึงติดต่อขอซื้อกับเจ้าของที่โดยผ่อนชำระค่าที่ดินเป็นรายเดือน ซึ่งที่ดินดังกล่าวตั้งใจแล้วว่าใช้เป็นพื้นที่สำหรับปลูกผักเพื่อนำมาจำหน่ายยังแผงค้าของตนเอง แต่ด้วยพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินลูกรังถมใหม่ อัดตัวกันแน่น แข็ง ทำให้ขุดยกร่องในการปลูกผักแต่ละรอบค่อนข้างยาก จึงปรับเปลี่ยนมาปลูกไม้ผลอย่างมะนาว ชะอม รวมทั้งผลไม้ชนิดต่าง ๆ ที่ปลูกครั้งเดียวแต่เก็บผลผลิตไปได้ตลอด
ครั้งแรกเลยปลูกชะอมไปกว่า 400 ต้น โดยปลูกเป็นรั้วรอบพื้นที่เลย ชะอมถือเป็นพืชที่มีความน่าสนใจมาก ใช้เวลาปลูกไม่นานก็เริ่มให้ผลผลิต และยิ่งเก็บ ยิ่งตัด ยอดอ่อนก็ยิ่งแตกออกมาใหม่จำนวนมาก การดูแลก็ไม่ยุ่งยากแค่รดน้ำเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญตลาดต้องการสูงมาก มีเท่าไรก็ไม่พอจำหน่าย โดยผลผลิตมัดรวมเป็นกำ กำละ 10 บาท ซึ่งเก็บและนำไปจำหน่ายได้ทุกวัน”
หลังจากนั้นกระแสมะนาวเริ่มเข้ามา ตัดสินใจปลูกมะนาวหลาย 10 ต้น โดยเลือกพันธุ์แป้นพิจิตรที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตดี ที่สำคัญไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงมากนัก จึงไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมีมาก ช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นจังหวะที่มะนาวแพงพอดี ซึ่งนำไปจำหน่ายเองที่ร้านราคาลูกละ 10 บาท เพียงแค่ปีเดียวก็ได้ทุนคืนมาหมด ปีต่อมามะนาวก็ยังแพงอยู่ ทำให้เหลือกำไรอยู่พอสมควร แต่ทว่า 1-2 ปีมานี้ราคามะนาวตกต่ำมาก แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องของราคามากนัก เนื่องจากปลูกเองขายเอง มีบางส่วนที่รวบรวมเพื่อส่งให้พ่อค้าทำให้จำหน่ายไม่ได้ ก็นำผลผลิตเหล่านี้คั้นน้ำมะนาวสดบรรจุขวดจำหน่าย ส่วนหนึ่งก็นำมาแปรรูปเป็นน้ำยาล้างจานส่งให้ตามร้านอาหาร ก็เพิ่มมูลค่าและช่วยระบายสินค้าได้เป็นอย่างดี
“ด้วยความที่เราเป็นพ่อค้าอยู่แล้วและก็ขายของอยู่ในตลาดสด ทำให้เห็นว่าพืชผักชนิดใดจำหน่ายได้ดี หรือช่วงไหนผักอะไรจะมีราคาแพง ก็หาซื้อพืชผักเหล่านั้นมาปลูก หรือหากมีลูกค้ามาถามซื้อผักแปลก ๆ ที่ไม่เคยมีในพื้นที่ อย่าง ผักแพว ผักกระจ้อน ฯลฯ ก็หาพันธุ์มาปลูกด้วยเช่นกัน พืชผักที่ปลูกไว้ทั้งหมดจึงมั่นใจว่าเมื่อผลผลิตที่ออกมานำไปจำหน่ายได้อย่างแน่นอน”
ปัจจุบันในแปลงมีพืชผลรวมกว่า 30 ชนิด ทั้งไม้ผลอย่างเงาะ ทุเรียน ลำไย ละมุด ลองกอง มะปราง มะยงชิด มะกรูด มะนาว มะละกอ หมาก พลู ชะอม กระถิน กล้วย ฯลฯ นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ทำเป็นโรงเรือนไก่ไข่อารมณ์ดี แม้เลี้ยงจำนวนไม่มากแค่ 30 ตัว แต่ก็ทำให้มีไข่บริโภคทุกวัน เหลือก็นำไปจำหน่ายที่แผงด้วยเช่นกัน มีกุ้งก้ามแดง ซึ่งการเลี้ยงก็มุ่งที่ผลิตเนื้อเป็นหลัก ปัจจุบันมีพ่อแม่พันธุ์กว่า 100 คู่ แต่ยังไม่ได้วางแผนการตลาดไว้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวนัก และล่าสุดก็ได้ทดลองเลี้ยงปูนา หากเพาะขยายพันธุ์ได้ ก็สามารถจำหน่ายและสร้างรายได้ที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว
คุณชาตรีบอกว่า พื้นที่ 180 ตารางว่าที่ซื้อไว้ ใช้เวลาผ่อนชำระเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น ซึ่งเงินที่นำมาผ่อนก็เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากที่ดินเองทั้งหมด จึงได้ตัดสินใจซื้อเพิ่มอีก 1 แปลง ขนาด 90 ตารางวา พร้อมกับเช่าพื้นที่ติดกันอีกประมาณ 100 ตารางวา สำหรับใช้ปลูกผักโดยเฉพาะ ซึ่งรวมพื้นที่ทำเกษตรทั้งสิ้นประมาณ 1 ไร่
“พื้นที่ที่เช่าเพิ่มขึ้นมาใช้สำหรับปลูกผักชนิดต่าง ๆ รวมถึงผักใบหอมอย่างต้นหอม ผักชี กะเพรา โหระพา แมงลัก ฯลฯ ซึ่งผักเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก มีเท่าไรก็ไม่พอจำหน่าย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีปลูกอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องไปรับซื้อจากตลาดค้าส่งในกรุงเทพฯ มาขาย บางครั้งค่าขนส่งก็ค่อนข้างสูง หากปลูกเองก็ลดต้นทุนส่วนนี้ไปได้พอสมควร”
พืชผักที่ปลูกไว้ทั้งหมดแม้ไม่ได้เป็นระบบอินทรีย์ เพราะยังใช้ปุ๋ยเคมีอยู่บ้าง แต่ไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชหรือแมลงโดยเด็ดขาด ผลผลิตที่ได้จากแปลงสามารถรับประทานสด ๆ ได้เลย ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ใช้การป้องกันแมลงโดยการเลือกปลูกผักที่ให้ผลผลิตเร็ว หรือมีอายุที่สั้น ทำให้เก็บจำหน่ายได้ก่อนที่แมลงมากัดกิน รวมถึงสลับแปลงปลูกเพื่อหลอกแมลงศัตรู ซึ่งก็ใช้วิธีนี้มาตลอด ลดปัญหาการเข้าทำลายของแมลงได้พอสมควร
“ความรู้ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการปลูกพืชก็อาศัยว่าเคยมีประสบการณ์ที่เคยทำพืชไร่มาก่อน เคยทำนา ปลูกหอมกระเทียม ซึ่งการปลูกในลักษณะนั้นยากกว่ามาก และเมื่อมาปลูกแบบผสมผสานก็ค่อย ๆ สะสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ อย่างไหนทำแล้วดีก็ทำต่อ อย่างไหนไม่ได้ผลก็ปรับเปลี่ยนใหม่ ทำให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างสภาพดินแต่เดิมซึ่งเป็นดินถมใหม่ โครงสร้างไม่เหมาะสมและไม่มีธาตุอาหารเลย ก็ค่อย ๆ นำเศษผักที่เหลือจากการตัดแต่งมาใส่ไว้อย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้สภาพดินในแปลงดีมาก พืชผลต่าง ๆ ให้ผลผลิตดี โดยแทบไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเลยทีเดียว”
คุณชาตรีบอกว่า ผลผลิตปลูกเองขายเอง ราคาก็กำหนดเองโดยให้สอดคล้องกับราคาในท้องตลาด แต่ส่วนใหญ่ราคาที่จำหน่ายก็ถูกกว่าเจ้าอื่น ๆ เล็กน้อย เนื่องจากผลผลิตที่นำไปจำหน่ายไม่ได้มีต้นทุนที่สูงมาก ซึ่งผลผลิตที่มีอยู่ทั้งหมดก็ยังไม่เพียงพอที่จำหน่ายในแต่ละวัน โดยเฉพาะกลุ่มผักใบหอม ก็วางแผนที่ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม แต่ทว่าก็อยู่ภายใต้แรงงานของครอบครัวที่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ปัจจุบันรายได้จากผลผลิตที่เกิดขึ้นจากแปลงเกษตรผสมผสานอย่างต่ำ ๆ อยู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาท ถือเป็นรายได้ที่สูงพอสมควรเมื่อเทียบกับต้นทุนแรงแรงงานที่ใช้ดูแลในแต่ละวัน
“สำหรับเกษตรกรทั่วไปอยากจะปลูกพืชสักอย่างเพื่อสร้างรายได้ อย่างแรกก็ต้องดูพื้นที่ว่ามีเยอะมากน้อยแค่ไหน ถ้าพื้นที่เล็ก ๆ ก็ปลูกหลาย ๆ อย่างทำให้มีรายได้หลายทางและต่อเนื่อง ที่สำคัญการเริ่มต้นอาชีพเกษตรอย่าเพิ่งไปหวังว่าร่ำรวยในทันที เพราะอาชีพเกษตรจะสร้างรายได้ให้ทันใจไม่ได้ ต้องค่อย ๆ ปลูก ค่อย ๆ มีผลผลิต ถึงจะมีรายได้ บางครั้งหากประสบปัญหา ฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ผลผลิตที่ได้ก็ต้องยืดออกไปอีก ดังนั้นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าเข้ารูปเข้ารอยแล้ว อาชีพเกษตรสร้างความร่ำรวยได้อย่างแน่นอน อย่างตอนนี้ที่ผ่อนที่เสร็จแล้ว ที่เหลือก็เก็บอย่างเดียว” คุณชาตรีกล่าวในที่สุด
ขอบคุณ : เพจ เกษตรกรก้าวหน้า / kasetvoice.com
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
เรียบเรียง : แชร์หน่อย เกษตรยุคใหม่
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
เรียบเรียง : แชร์หน่อย เกษตรยุคใหม่
Comments
Post a Comment